เสียงวรรณยุกต์ในภาษาจีน 声调
ภาษาจีนเป็นภาษาที่มีเสียงวรรณยุกต์ด้วยกันทั้งหมด 4 เสียง ซึ่งแบ่งโดยการใช้สัญลักษณ์ดังต่อไปนี้
เสียงวรรณยุกต์ที่ 1 “ ¯ ”
เสียงวรรณยุกต์ที่ 2 “ ˊ ”
เสียงวรรณยุกต์ที่3 “ ˇ ”
เสียงวรรณยุกต์ที่4 “ ` ”
ซึ่งดัดแปลงมาจากเส้นกราฟที่แสดงลักษณะการออกเสียงวรรณยุกต์ 4 เสียง ดังนี้
เสียงวรรณยุกต์มีบทบาทในการแบ่งแยกความหมายของคำ
เช่น 妈mā( แม่) , 麻 má (รู้สึกชา) ,马 mǎ( ม้า),骂mà( ดุ,ด่า) ซึ่งเราจะเห็นว่า ถึงแม้จะเป็นพยางค์เดียวกัน แต่ถ้าเสียงวรรณยุกต์ไม่เหมือนกัน
ความหมายก็จะไม่เหมือนกัน
ส่วนวิธีการวางเสียงวรรณยุกต์นั้นมีหลักการดังนี้
1. เมื่อพยางค์หนึ่งพยางค์มีสระเพียงตัวเดียว(สระเดี่ยว) จะวางสัญลักษณ์เสียงไว้ข้างบนของสระ นั่นก็คือ a o e i u ü แต่ถ้าสระนั้นเป็นตัว i ให้ตัดเอาจุดด้านบนของตัว i ออกแล้วเขียนสัญลักษณ์เสียงไว้บนนั้น เช่น 你(nĭ) ,一(yī)
2.แต่ถ้าหากว่าพยางค์ใดมีสระมากกว่าสองตัวขึ้นไป ให้วางสัญลักษณ์เสียงไว้บนสระตัวหลัก เช่น 学生(Xué shēng)คำว่า Xué เราจะใส่วรรณยุกต์บนตัว e เพราะ สระ e อยู่ก่อนลำดับสระ u
สรุปก็คือ ให้ใส่เครื่องหมายแทนเสียงวรรณยุกต์ตามลำดับดังนี้ a o e i u ü ใน 6 ตัวนี้ถ้าสระตัวไหนมาก่อนให้ใส่ตัวนั้นไปได้เลย
1. เมื่อพยางค์หนึ่งพยางค์มีสระเพียงตัวเดียว(สระเดี่ยว) จะวางสัญลักษณ์เสียงไว้ข้างบนของสระ นั่นก็คือ a o e i u ü แต่ถ้าสระนั้นเป็นตัว i ให้ตัดเอาจุดด้านบนของตัว i ออกแล้วเขียนสัญลักษณ์เสียงไว้บนนั้น เช่น 你(nĭ) ,一(yī)
2.แต่ถ้าหากว่าพยางค์ใดมีสระมากกว่าสองตัวขึ้นไป ให้วางสัญลักษณ์เสียงไว้บนสระตัวหลัก เช่น 学生(Xué shēng)คำว่า Xué เราจะใส่วรรณยุกต์บนตัว e เพราะ สระ e อยู่ก่อนลำดับสระ u
สรุปก็คือ ให้ใส่เครื่องหมายแทนเสียงวรรณยุกต์ตามลำดับดังนี้ a o e i u ü ใน 6 ตัวนี้ถ้าสระตัวไหนมาก่อนให้ใส่ตัวนั้นไปได้เลย
3.ยกเว้นเมื่อพินอินมีคำสระ ui
หรือ iu ให้ใส่เครื่องหมายแทนเสียงวรรยุกต์บนตัวหลังสุด เช่น 贵 (guì) 、 就 (jiù ) ที่เป็นเช่นนี้เนื่องด้วย สมัยก่อนจะมีพินอินสี่ตัว เช่น (guoi )、( jieu) มาก่อน
ซึ่ง ณ ตอนนี้พินอิน ได้เหลือพินอินเพียง 3ตัวเท่านั้น ทำให้คำการวางวรรณยุกต์ จะวางอยู่บน i 、
u แทน
4.การผันเสียงของพยางค์เสียงวรรณยุกต์ที่ 3 ที่มี 2 พยางค์ที่ออกเสียงวรรณยุกต์ที่
3
ติดกัน ดังนั้นพยางค์แรกต้องผันเป็นเสียงวรรณยุกต์ที่ 2 อย่างเช่น คำว่า 你好(nǐ hǎo)
ออกเสียงเป็น ní hǎo แต่เวลาเขียนวรรณยุกต์
ยังคงใส่วรรณยุกต์เป็นเสียง 3 เหมือนเดิม